ความสัมพันธ์แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
ความสัมพันธ์ทั้งสองรูปแบบมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ความสัมพันธ์แบบเป็นทางกรทำให้งานดำเนินไปตามขั้นตอน มีวัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการ
เพื่อบรรลุเป้าหมายโดยกำหนดตามหน้าที่ของแต่ละคนที่รับผิดชอบ
และประสานสัมพันธ์กันตามลำดับ งานในลักษณะนี้จึงมีความรับผิดชอบลดหลั่นกันตามลำดับ
ความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการก็เกิดควบคู่กันไปกับความสัมพันธ์ส่วนตัว
มีความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจซึ่งกันและกัน สร้างความรัก จงรักภักดี ความผูกพัน
มีกำลังใจในการทำงาน เพื่ออุทิศให้แก่งานอย่างเต็มที่
ผลก็คือประสิทธิภาพของงานสัมฤทธิ์ผลจนบางครั้งอาจเกินคาดหมายก็ได้
การสื่อสารในระบบธุรกิจ
ในระบบธุรกิจ ทุกบริษัท
หน่วยงานองค์การ ที่มีเครือข่ายกว้างขวาง
แบบสื่อสารก็เป็นทางการในองค์การที่จะต้องบริการ
เพื่อเข้าถึงวัตถุประสงค์ขององค์การโดยการวางแผน กำหนดการและนโยบายอย่างหนึ่ง
นี่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงพลังความสามารถจากสมอง มีการสื่อสารอย่างเป็นทางการ
ไม่เป็นการส่วนตัว เป็นจริงเป็นจังสื่อสารจากองค์การสู่ผู้ปฏิบัติ
การขจัดช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการซึ่งมักเป็นรูปแบบคำสั่งลงมากับความสัมพันธ์ของคนระดับล่างที่ไม่เป็นทางการ
ทำได้เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น ๆ คือ การสื่อสารระหว่างผู้บริการและผู้ปฏิบัติ
โดยเฉพาะการพูด การซักถาม และต้องเป็นนักฟังที่ดี ซึ่งหมายถึง การรู้จักคอยฟัง
มีความอดทน ใจกว้างที่จะรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย
พื้นฐานของการทำงาน
พื้นฐานของการทำงานหลักสำคัญคือ
ความสามัคคี ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะแต่ละคนรู้เข้าใจปฏิบัติตามสิทธิและหน้าที่ของตน
ซึ่งหมายถึงทุกคนมีความรับผิดชอบในงานของตน ไม่ก้าวก่ายความรับผิดชอบของผู้อื่น
ไม่เพ่งโทษคนอื่น
อิริยาบถที่พึงหลีกเลี่ยง
การยืน
ไม่ควรมีภาพของผู้ทำงานยืนดูหนังสือพิมพ์ หนังสือเริงรมย์ รูถ่าย เป็นต้น
วนเวลางาน
การเดิน
ไม่ควรมีภาพสตรีลากรองเท้าแตะเดินไปมาในขณะปฏิบัติงาน
การนั่ง
ไม่ควรมีภาพของการนั่งส่องกระจก หวีผม แต่งหน้า ทาปาก เป็นต้น
การนอน
ไม่ควรมีภาพเจ้าหน้าที่นอนท่าเอนกายกับเก้าอี้
การใช้โทรศัพท์ ไม่ควรติดต่อธุระส่วนตัวของตนโดยไม่จำเป็น
การรับโทรศัพท์ ไม่ควรให้มีการคอยนาน โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ใหญ่โทรติดต่อเข้ามาหรือลูกค้าเข้ามาติดต่อในบริษัท
การรับประทานจุกจิก
เป็นการสร้างภาพพจน์ที่ไม่ดีต่อผู้มาติดต่อ
เพราะอาจเกิดความเข้าใจผิดว่าพนักงานทุกคนเป็นเช่นที่พบเป็นทุกคน
มารยาทพึงกระทำในการติดต่อทางธุรกิจ
เพื่อล่วงลุเป้าหมายมารยาทที่พึงกระทำมีดังนี้
ต้องคิดตลอดเวลาว่า
ผู้มาติดต่อด้วยคือลูกค้า เป็นคนสำคัญเสมอและสำคัญกว่าคนในหน่วยงาน
ดังนั้นจะต้องคอยยกย่องให้เกียรติเขา
ไม่ใช้กิริยาวาจาอันทำให้เขารู้สึกว่าเขาต่ำต้อยกว่าเรา และเขาเป็นผู้งอนง้อซื้อ
บางครั้งผู้ให้บริการคิดว่าการแสดงความเป็นกันเองจะทำให้ลูกค้าประทับใจ เช่น
เรียกลูกค้าว่าพี่ น้อง หรือผู้สูงอายุกว่าเรียก ตา ยาย
ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งเพราะลูกค้าอาจคิดว่ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นญาติกับตน
ดูถูกคนแก่ ๆ หรือ
บางครั้งความต้องการของลูกค้าจะไม่ถูกต้องตามหลักการก็ตาม
ไม่ควรทักท้วงตรง ๆ ว่าเขาผิด
พร้อมทั้งอ้างเหตุผลมากมายและสรุปว่าเราให้บริการอย่างนั้นไม่ได้
ควรใช้วิธีการจูงใจอย่างนอบน้อมให้ลูกค้าโอนอ่อนผ่อนตาม โดยเสนอสิ่งที่ถูกต้องและเปิดโอกาสให้ลูกค้าใช้วิจารณญาณ
เปรียบเทียบกับความคิดของเขา
มีความแม่นยำในหลักการ แนวความคิด ทฤษฎีต่าง ๆ
แต่สิ่งเหล่านั้นคือตำรา ที่ต้องยึดหลักเพื่อให้มีความรู้ และเพื่อจบการศึกษา
แต่ในทางปฏิบัติต้องใช้เทคนิค ความอดทนความใจเย็น ความสุภาพอ่อนโยน ตามบุคลิกภาพ
ของลูกค้าที่แตกต่างกัน
ทุกหน่วยงานต้องมีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
เพื่อติดต่อกับผู้มาติดต่อเป็นด่านแรกงานหลักไม่จำเห็นต้องรอบรู้ไปหมดทุดอย่างและเป็นคนสวยสะดุดตาถึงขั้นนางงาม
แต่ต้องสามารถทำให้ผู้มาติดต่อมีความรู้สึกที่ดี
วาจาสุภาพ
การใช้ถ้อยคำไม่เพียงแต่คำว่า คุณ คะ ครับ กรุณารอสักครู่ แต่ที่สำคัญคือ
น้ำเสียงต้องมีความอ่อนโยน มีลีลาจังหวะในการใช้ภาษา
ดังนั้นในภาพลักษณ์ของหน่วยงานเจ้าหน้าที่ทุกคนความฝึกคำเหล่านี้
เช่น โปรด กรุณา ขอบคุณ ขอประทานโทษ
เป็นต้นให้ติดปากด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและสุภาพเพราะไม่ว่าจะนั่งอยู่ในตำแหน่งใด
ผู้ให้บริการมีเป้าหมายเดียวกันคือ
ปฏิบัติตนให้ผู้มาติดต่อกับหน่วยงานประทับใจและชื่นใจ
การตรงต่อเวลา
ในการติดต่อนัดหมายต้องมีการกำหนดเวลาและสถานที่จึงเป็นสิ่งจำเป็นซึ่งต้องมีการจัดระเบียบกำหนดเวลารู้จักจัดเวลา
เพราะหมายถึงการได้หรือสูญเสียผลประโยชน์กับผู้ที่ตนติดต่อหรือนัดหมายด้วย
ต้องถือว่างานใหม่ในหน่วยงานทุกคนมีความรับผิดชอบร่วมกันนอกเหนือจากงานที่รับผิดชอบเฉพาะ
สิ่งที่ควรทำ คือ ต้องให้ความช่วยเหลือโดยการแนะนำให้ไปติดต่อที่สถานที่
บุคคลหรือผู้ปฏิบัติงานนั้น ๆ ซึ่งทำได้ไม่ยาก
ต้องปลูกฝังความสำนึกของการอยู่ร่วมกันด้วยความรัก
ความเอื้ออาทรกันหรือความเมตตา
ซึ่งเป็นพื้นฐานการอยู่ร่วมกันที่ทุกศาสนาเน้นให้ศาสนิกชนยึดถือหลักปฏิบัติ
มีงานส่วนรวมก็ร่วมมือกันทำมีกิจกรรมพิเศษก็ขยันขันเข็งร่าเริงไปร่วมตามแต่ละฐานะและบทบาทเช่นงานปีใหม่
มีแข่งกีฬาสีร่วมกัน ให้ครอบครัวของพนักงานมีโอกาสสังสรรค์ร่วมกันเป็นต้น
ต้องไวต่อข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ
ควรเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ต้องมีความไวต่อข้อมูลทั้งหลายเพราะหมายถึงความได้เปรียบต่อส่วนรวมในด้านการติดต่อกับผู้อื่นโดยเฉพาะผู้มารับบริการ
ซึ่งอาจทำได้โดยการจัดผึก อารมณ์หน่วยพิเศษ เพื่อกลับมาให้ความรู้กับคนอื่น ๆ
ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งตัวเองและส่วนรวม
บุคลิกภาพของพนักงานควรมีความสุภาพ อ่อนโยนแต่ไม่ใช่อ่อนแอ
แข็งขันอดทนแต่ไม่ใช่แข็งกร้าวมีความน่าเชื่อถือได้ในทุกระดับ
ควรสร้างนิสัยให้เกิดขึ้นกับคนทุกคนเป็นการลงทุนที่ไม้ต้องลงแรงกายหรือทรัพย์สินเงินทองเลยคนทุกคนไม่ชอบคนหน้างอหน้าบึ้ง
การยิ้มเป็นคุณสมบัติของมนุษย์โดยเฉพาะ
ในการติดต่องานไม่ว่าจะในพวกเดียวกันหรือกับผู้มาติดต่อขอให้ยิ้มรับแขกยิ้มเมื่อพูดกับลูกค้าการยิ้มบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ดีแจ่มใสมองโลกในแง่ดี
และทำให้ผู้มาติดต่ออยากพูดด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น